พิมรี่พายไม่ผิด! ‘วินิจ’ แจง ดราม่าพิมรี่พาย ไม่เข้าข่ายผิดเงื่อนไข

พิมรี่พายไม่ผิด! ‘วินิจ’ แจง ดราม่าพิมรี่พาย ไม่เข้าข่ายผิดเงื่อนไข

วินิจ ออกมาแจง ดราม่าพิมรี่พาย รับเพิ่งรู้ว่าเอามาทำโปรโมชั่นลดราคา ยืนยันว่า ไม่เข้าข่ายผิดเงื่อนไข ถ้าผิดคือขายเกินราคา นาย วินิจ เลิศรัตนชัย ผู้บริหารบริษัท เฟรชแอร์เฟสติวัล จำกัด ผู้จัดงานศึกแดงเดือดในประเทศไทย ได้ออกมาถึงกระแสดราม่าพิมรี่พายล่าสุด จากกรณีที่พิมี่พายซื้อบัตรเกมฟุตบอล แดงเดือด ระหว่างลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดที่จะลงเตะที่เป็นประเทศไทยในวันที่ 12 ก.ค. นี้ ไปถึง 2 หมื่นใบ จนทำให้เกิดการตั้งคำถามว่า ทำไมถึงพิมรี่พายมีตั๋วมากขนาดนี้ เพราะตอนซื้อจำกัดแค่ 4 ใบ

นาย วินิจ กล่าวว่า บัตรจะมีส่วนของสโมสรด้วย เป็นโควตาของแต่ละสโมสร ซึ่งแต่ละสโมสรจะขายให้แฟนบอลต่างประเทศ ไม่เกี่ยวกับโควตาบัตรที่ขายภายในประเทศ

ส่วนที่เหลือเป็นหมื่นใบนั้น เนื่องจากเหตุต่างๆ เช่น อาจจะไม่สะดวกในการเดินทางมา เรื่องโควิด ซึ่งไม่ได้ขายให้พิมรี่พายคนเดียว ขายให้คนอื่นด้วย และเพิ่งมารู้ว่าพิมรี่พายเอามาทำโปรโมชั่นลดราคา แต่ก็ไม่ได้ผิดเงื่อนไข ถ้าจะผิดคือขายเกินราคา

ยืนยันว่า บัตรซ้อมไม่ได้ขายให้พิมรี่พาย แต่ได้ให้พิมรี่พายไปจริง เพราะเป็นโควต้าของ บริษัท เฟรชแอร์เฟสติวัล จำกัด จำนวน 100-200 ใบ ซึ่งทางเฟรชแอร์ จะนำไปมอบให้พาร์ทเนอร์ และบุคคลต่างๆ ตามความเหมาะสม

ก่อนหน้านี้ พิมรี่พาย ได้ไลฟ์สด เผยว่าตนเหมาบัตรเเดงเดือด ราคา 20,000 บาท จำนวน 10,000 ใบ เเละบัตรราคา 15,000 บาท จำนวน 10,000 ใบ รวมเป็นเงิน 350,000,000 บาท เเละได้ไลฟ์สดขายในราคาต่ำกว่าหน้าบัตร จนทำให้ดราม่าบัตรเเดงเดือด เเมนฯยูฯ -ลิเวอร์พูล ขึ้นมา

บัตรเเดงเดือดราคา 20,000 บาท ขายเพียง 15,000 บาท ชื่อที่หัวบัตรเป็นชื่อ พิมรี่พาย ชัดเจนทุกใบ แถมตั๋วซ้อม เเละ บัตรเเดงเดือด 15,000 บาท ขาย 11,000บาท รวมเเล้ว 350 ล้านบาท บวกกับมูลค่าตั๋วเข้าชมการซ้อมของ เเมนฯยูฯ -ลิเวอร์พูล เเละชมเเจ็คสัน หวัง ซ้อมในวันที่ 11 ก.ค.65 รวมเเล้ว พิมรี่พาย ควักเงิน 400 ล้านบาท จากกระแสดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจและการตั้งคำถามของประชาชน จนนำไปสู่ ดราม่าพิมรี่พายล่าสุด

‘ราชกิจจา’ ประกาศ ถอดหน้ากากได้ ตามความสมัครใจ เริ่มแล้ววันนี้

ราชกิจจานุเบกษา ประกาศอนุญาตให้ประชาชน ถอดหน้ากากได้ ตามความสมัครใจ เน้นบางกลุ่มหรือบางที่ควรใส่หน้ากากเช่นเดิม เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา ได้โพสต์ประกาศว่าด้วยเรื่องการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ภายใต้หัวข้อ ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ฉบับที่ 46 ซึ่งมีอนุญาตให้ประชาชน ถอดหน้ากากอนามัยได้ ตามความสมัครใจ  – ถอดหน้ากากได้วันไหน – มีผลแล้วตั้งแต่วันนี้

ในประกาศว่าด้วยการอนุญาตให้ถอดหน้ากากอนามัย ระบุว่า “โดยที่สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ปัจจุบันได้คลี่คลาย และมีแนวโน้มในทางที่ดีขึ้น จากการดําเนินมาตรการทางสาธารณสุขอย่างเข้มข้นและต่อเนื่องส่งผลให้จํานวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากโรคดังกล่าวลดลงเป็นลําดับ

จนสามารถผ่อนปรนบรรดามาตรการและข้อจํากัดต่าง ๆ ให้ประชาชนและผู้ประกอบการสามารถดํารงชีวิตและดําเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมได้ใกล้เคียงกับปกติ

รวมถึงการผ่อนคลายข้อจํากัดเรื่องการเดินทาง โดยเฉพาะการเดินทางระหว่างประเทศจากเดิมที่เคยกําหนดเป็นมาตรการสกัดกั้นเชื้อโรคอย่างเร่งด่วน โดยปรับให้สอดคล้องกับนโยบายเปิดประเทศของรัฐบาล เพื่อรับผู้เดินทางจากทั่วโลก การดําเนินการตามแผนและมาตรการจัดการด้านสาธารณสุขทั้งหลายนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมการเปลี่ยนผ่านสู่ระยะ Post-Pandemic ที่จะประกาศให้เป็นโรคติดต่อทั่วไป

การปรับปรุงเขตพื้นที่จังหวัดตามพื้นที่สถานการณ์และยกเลิกการกำหนดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว

การขยายเวลาการบังคับใช้มาตรการควบคุมและป้องกันโรค การผ่อนคลายข้อปฏิบัติในการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทั่วราชอาณาจักร ในข้อนี้ ระบุว่า เพื่อให้ประชาชนสามารถดำเนินชีวิตได้ใกล้เคียงกับสภาวะปกติยิ่งขึ้น จึงสมควรผ่อนคลายข้อจำกัดในเรื่องการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า การสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าให้เป็นการปฏิบัติโดยความสมัครใจ โดยขอให้ประชาชนพิจารณาประโยชน์ตามข้อมูลที่ฝ่ายสาธารณสุขรายงานว่า การสวมหน้ากากอย่างถูกวิธีเป็นประโยชน์ด้านสุขอนามัยในการป้องกันการแพร่เชื้อและการรับเชื้อ ทั้งเชื้อโรคโควิดและโรคติดเชื้อทางระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ รวมทั้งยังสามารถลดความเสี่ยงอื่นที่อาจมีผลกระทบต่อสุขภาพ

กระทรวงสาธารณสุข (กรมอนามัย) จึงมีข้อแนะนำให้ประชาชนทั่วไปสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ร่วมกับบุคคลอื่นในสถานที่หรือในพื้นที่แออัด มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก ไม่สามารถว้นระยะห่างได้ หรืออากาศระบายถ่ายเทไม่ดีเพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อหรือรับเชื้อ

กรณีเป็นผู้เข้าข่ายเสี่ยงที่เมื่อติดเชื้อโควิด-19 จะมีอาการรุนแรงหรือความเสี่ยงสูงต่อการเสียชีวิต (กลุ่ม 608) หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจควรสวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธีตลอดเวลาเมื่อต้องอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นเพื่อลดความเสี่ยงในการรับเชื้อ และกรณีเป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 หรือผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจากเชื้อโควิด-19 จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธีตลอดเวลาเมื่ออยู่ร่วมกับบุคคลอื่นเพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันการแพรโรค

Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่า